
พระครูประโชติปัญญากร หรือ หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ
วัดบัลลังก์ ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา
พระครูประโชติปัญญากร หรือหลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ นามเดิม ปรีชา นามสกุล จินากูล เกิดที่บ้านบัลลังก์ เลขที่ ๙ หมู่ ๑๑ ตำบลบัลลังก์ อำเภอโนนไทย จังหวัดนครราชสีมา ปี เถาะ แรม ๖ ค่ำ เดือน ๖ ตรงกับวันพุธที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๔ โยมบิดาชื่อ พงษ์ จินากูล โยมมารดาชื่อ จรัส จินากูล
หลวงพ่อคูณมีพี่น้องร่วมมารดา บิดาเดียวกัน จำนวน ๙ คน คือ -
๑ นางคำ โดนสันเทียะ
๒ พระครูประโชติปัญญากร (หลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ)
๓ นายเชิด จินากูล
๔ นางบุญเลี้ยง พรสันเทียะ
๕ นางลูกอินทร์ สวัสดิ์บุญ
๖ นางแตงอ่อน จินากูล
๗ นายอุดม จินากูล
๘ นายอุดร จินากูล
๙ นางดวง กองสูงเนิน
ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ ลำบากยากแค้นแสนเข็ญ ต้องต่อสู้กับความลำบากมานานับประการ ได้รสชาดชีวิตแทบทุกอย่าง ต้องทำไร่ไถนาตามบิดามารดา หลังจากเรียนจบประถมปีที่ ๔ แล้ว ไม่มีโอกาสที่จะเรียนต่อเพราะครอบครัวในเวลานั้นยากจนมาก ประกอบกับบิดามาเสียชีวิตลง ครอบครัวก็ยิ่งแย่ลงไปอีก แม่ก็ต้องทำงานหนักขึ้นไปอีกเพื่อเลี้ยงดูน้อง ๆ ที่ยังอยู่ในวัยที่ยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หลวงพ่อคูณในฐานะที่เป็นลูกชายคนโต ต้องรับภาระอันหนัก เป็นหัวหน้าครอบครัวในขณะที่ยังเป็นเด็กอยู่ เพราะน้อง ๆ ก็หลายคน ต้องทำไร่ไถนาอยู่หลายปี ชีวิตในขณะนั้นมองไปทางใดมีแต่ความมืดมน ขอเพียงแต่มีข้าวกินไปวัน ๆ ก็พอแล้ว จึงรำพึงในเวลานั้นว่า ชีวิตของคนเราเกิดมามีแต่ความทุกข์หนอ เมื่อน้อง ๆ โตพอที่จะช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว จึงเดินทางเข้าหางานทำในกรุงเทพฯ ในเวลานั้นไม่เลือกงาน ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้างขายกาแฟ ขายก๋วยเกี๋ยว บางครั้งขายเกือบสว่างก็มี ตอนเช้าขายอีกที่ พอตอนบ่ายไปขายอีกที่ กว่าจะได้พักผ่อนนี้แสนลำบาก พอมาตอนหลังนี้ค่อยสบายหน่อย เพราะมีโอกาสได้ไปเป็นช่างเงินช่างทอง ตอนนี้ชีวิตค่อยมีอิสระกับเขาบ้าง ทำงานที่กรุงเทพฯตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๑ เพื่อนำเงินส่งให้ผู้เป็นมารดาไว้ใช้เลี้ยงดูน้องที่ยังเล็กอยู่ที่บ้าน
จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๒๑ ก็เกิดความเบื่อหน่ายชีวิตในกรุงเทพฯ มีแต่ความวุ่นวาย ประกอบกับได้อ่านประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ,พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร และพระอาจารย์ต่าง ๆ อีกมากมาย เกิดความสนใจในทางปฏิบัติ ก็หัดภาวนาว่า "พุทโธ" ก่อนนอนเสมอ ๆ เกิดความสบาย ใจเยือกเย็นขึ้น ก็ทำมาตลอดเท่าที่พอมีเวลา และในคืนวันหนึ่ง ได้ฝันไปว่าเห็นพระอรหันต์มาหาในความฝัน ก็ถามท่านว่า "ท่านเป็นใคร" ท่านบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์ ถามท่านในเรื่องต่าง ๆ ท่านก็พูดในทางที่เป็นมงคล ในที่สุดจึงตัดสินใจลาออกจากงานที่ทำอยู่ เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดนครราชสีมาเพื่อบวชในพระพุทธศาสนา พอดีโยมน้าได้ชวนไปเที่ยวที่จังหวัดสระบุรี ไปรู้จักกับพระรูปหนึ่งที่นั่น เกิดศรัทธาจึงได้ตัดสินใจบวชทันที ตั้งใจไว้ว่าเราบวชแล้วจะเจริญพระกรรมฐาน ใครจะจ้างเราสึกสักสามล้านก็ไม่เอา จะขอบวชไปตลอดชีวิต
อุปสมบทเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๒๑ ณ อุโบสถวัดหนองกระธาตุ ตำบลโคกสะอาด อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี เวลาประมาณ บ่ายสามโมงเย็น ได้รับฉายาว่า
" วรปญฺโญ " มีพระครูผาสุกิจโสภณ เจ้าคณะอำเภอหนองแซง เป็นพระอุปัชฌาย์ และมีพระอธิการขันธ์ อินฺทโชโต เป็นพระกรรมวาจาจารย์ จำพรรษาแรกที่วัดหนองกระธาตุกับพระอุปัชฌาย์ ก็พยายามท่องหนังสือสวดมนต์จนจบ เมื่อท่องหนังสือสวดมนต์จบหมดแล้วก็เกิดสนใจใคร่จะท่องหนังสือพระปาฏิโมกข์ดูบ้าง เขาว่าเป็นหนังสือที่ท่องยากที่สุด จึงอธิษฐานจิตขอท่องดู ใช้เวลาท่องอยู่สี่เดือนจึงท่องได้จบ ต้องใช้ความเพียรความอดทนมากจึงจะท่องได้ ตั้งใจเวลานั้นว่า ถ้าท่องไม่ได้ให้มันตายไปเลย
ด้านการศึกษาพระธรรมวินัย และภาคปฏิบัติภาวนา และธุดงค์
พรรษาที่ ๑ สอบนักธรรมตรีได้ที่วัดหนองกระ.ธาตุ จังหวัดสระบุรี
พรรษาที่ ๒ ไม่ได้สอบนักธรรม หันไปปฏิบัติพระกรรมฐาน (จำพรรษาที่วัดสุวรรณประสิทธิ์)
พรรษาที่ ๓ สอบนักธรรมชั้นโทได้ที่วัดสุวรรณประสิทธิ์ เขตบึงกุ่ง กรุงเทพฯ พ.ศ. ๒๕๒๓
พรรษาที่ ๔ สอบนักธรรมชั้นเอกได้ที่วัดเกาะสีคิ้ว อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา พ.ศ. ๒๕๒๔
หลังออกพรรษาที่สองแล้ว เข้าอบรมเป็นพระวิปัสสนาจาย์ประจำศูนย์วิปัสสนาเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย (รุ่นที่ ๘) เมื่ออบรมแล้วถูกส่งไปเผยแผ่ที่วัดสำโรงพลัน อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ และคราวออกพรรษาที่สี่ ก็ได้ไปสอนวิปัสสนาที่วัดป่าเขาเหิบ อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เมื่อมีเวลาก็ออกธุดงค์ไปในที่ต่าง ๆ เพื่อออกป่าหาความวิเวกพร้อมทั้งแสวงหาพระอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมที่สูงขึ้นไป
พระอาจารย์ที่ให้คำแนะนำมี ..
- พระสุพรหมยานเถระ (หลวงพ่อครูบาพรหมา) ป่าซาง ลำพูน สอนให้ภาวนาพุทโธ ถึง ๑๐ วัน
- หลวงปู่โง่น วัดพระพุทธบาทเขารวก พิจิตร
- หลวงปู่วัย จตฺตาลโย หินกอง สระบุรี แนะวิธีปฏิบัติ ทั้งมอบคู่มือให้หนึ่งเล่ม ยังเก็บรักษาไว้อยู่
- หลวงปู่ม้วน เจ้าอาวาสวัดไทร นครชัยศรี นครปฐม (ลูกศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม)
เส้นทางเดินธุดงค์ของหลวงพ่อคูณ วรปญฺโญ
ภาคตะวันออก ตั้งแต่จังหวัดจันทบุรี ระยอง ชลบุรี แปดริ้ว ปราจีณบุรี นครนายกมาทางอำเภอปากพลี ขึ้นเขาใหญ่ ในเวลากลางคืนอันตรายมากมีทั้งเสือ ทั้งช้าง ทะลุออกมาอำเภอปากช่อง โดยถือธุดงควัตรคือ อยู่โคนไม้ ถือผ้าสามผืน ฉันมื้อเดียว ฉันรวมในบาตร และบิณฑบาตรเป็นวัตร
ทางภาคเหนือ ตั้งแต่เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง ลงมาจนถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ และชัยภูมิ
ทางภาคใต้ ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๒๒ - ๒๕๒๓ แถวอำเภอร่อนพิบูลย์ นาสาร สุราษฎร์ธานี มีผู้ก่อการร้ายมาก ธุดงค์ไปในป่าเจอมากมาย เจอขู่ด้วยวาจาอยู่บ่อย ๆ ในช่วงนั้น
ตั้งแต่พรรษาที่ ๕ ถึงปัจจุบัน จำพรรษาที่วัดบัลลังก์มาโดยตลอด เหตุที่มาจำพรรษาที่วัดบัลลังก์ ก็ด้วยเวลานั้นเดินธุดงค์จากจังหวัดบุรีรัมย์กับเพื่อนภิกษุ เดินทางผ่านมาทางอำเภอโนนไทย ซึ่งเป็นถิ่นเกิด จากกันมานานไม่เคยมาเยี่ยมญาติโยมเลย เมื่อญาติโยมเห็นก็ดีใจกัน จึงพร้อมใจกันนิมนต์ให้อยู่ช่วยพัฒนาวัดที่ใกล้จะร้าง มีเพียงพระหลวงตาอยู่เฝ้าวัดไปวัน ๆ องค์หรือสององค์เท่านั้น เป็นวัดเก่าแก่ สร้างมานานแต่ไม่มีใครคิดจะพัฒนา ก่อนจะรับนิมนต์ ในคืนวันหนึ่ง ได้ฝันไปว่า มีหลวงพ่อแก่รูปหนึ่งมาเข้าฝัน นำหนังสือเล่มใหญ่ปกสีเขียว ๆ มามอบให้ แล้วกล่าว "เอ้า ทางการเขามอบให้ท่าน" ในฝันเปิดดูก็พบชื่อตัวเองอยู่ในนั้นเป็นอันดับที่สอง (อันดับหนึ่งชื่อว่า หลวงปู่แช่ม อินฺทโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดบัลลังก์ตั้งแต่สมัยใดก็ไม่ทราบได้) จึงตัดสินใจรับนิมนต์ อยู่เพื่อพัฒนาวัดบัลลังก์ ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. ๒๕๒๕
เริ่มปรับปรุงศาลาการเปรียญ สร้างกุฏิสงฆ์ ซื้อที่ขยายวัด ขุดลอกสระวัดเพื่อให้มีน้ำใช้ได้ตลอดปี สร้างกำแพงวัด สร้างซุ้มประตูวัด สร้างพระพุทธรูป สร้างพิพิธภัณฑ์เก็บของโบราณที่ขุดพบได้บริเวณวัดและที่ต่าง ๆ
" ก่อนที่จะคิดสร้างพระ ได้ไปฝึกสมาธิที่วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี กับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษี) ถึงสองหน ตอนหนึ่งท่านให้พรว่า "ให้ตั้งใจปฏิบัตินะลูก" ท่านสอนได้ครบ กรรมฐานทั้งสี่แบบ ทั้งสุกขวิปัสสโก เตวิชโช ฉฬภิญโญ และปฏิสัมภิทัปปัตโต ที่ชอบมากคือ มโนมยิทธิ ที่ท่านสอน จึงนำแนวทางนั้นมาปฏิบัติจนถึงทุกวันนี้ ทำให้เข้าใจในเรื่องการปฏิบัติได้มากมาย แต่ก่อนยังโง่อยู่มาก ถึงผ่านการออกธุดงค์มาแล้วก็จริง แต่ก็ยังโง่อยู่มากในเรื่องการปฏิบัติ เมื่อมาพบกับหลวงพ่อเลยหายโง่ ท่านสอนเข้าใจง่าย ไม่วกวนสับสน "
ตำแหน่งหน้าที่ทางการปกครองคณะสงฆ์
พ.ศ. ๒๕๒๕ เป็นเจ้าอาวาสวัดบัลลังก์
พ.ศ. ๒๕๒๗ รักษาการเจ้าคณะตำบลบัลลังก์
พ.ศ. ๒๕๒๘ เป็นเจ้าคณะตำบลบัลลังก์
พ.ศ. ๒๕๓๒ เป็นพระอุปัชฌาย์
สมณศักดิ์มีดังนี้
พ.ศ. ๒๕๒๖ เป็นพระใบฎีกา ฐานา เจ้าคณะอำเภอโนนไทย
พ.ศ. ๒๕๓๐ ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระครูสัญญาบัตรที่
พระครูประโชติปัญญากร เจ้าคณะตำบลชั้นตรี
พ.ศ. ๒๕๔๐ ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท
พ.ศ. ๒๕๔๗ ได้รับพระราชทานเลื่อนเป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก