
ประวัติของหลวงพ่อช้าง วัดจุกเฌอแปดริ้ว
โดยสังเขป
หลวงพ่อช้าง เตชปญฺโญ วัดจุกเฌอ แปดริ้ว
(พระครูปลัดธรรมานุวัตร รณชัย เตชปญฺโญ)
นามเดิมชื่อ รณชัย ปัณฑะโชติ ชื่อเล่น ช้าง
ท่านเกิดที่
บ้านเลขที่41หมู่2ตำบลคลองจุกกระเฌอ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา (เมืองแปดริ้ว )
เมื่อทศมาสครบสิบเดือนในวันที่26สิงหาคม2515 ตรงกับวันเสาร์เดือนสิงห์ (เดือน9) แรม2ค่ำ ปีชวด เวลา08.55 นาที โยมบิดาชื่อ สมศักดิ์ ปัณฑะโชติ (ฮวดใช้ แซ่อึ้ง) โยมมารดาชื่อทองสุก พันธรักษ์
พระครูปลัดรณชัย หรือ หลวงพ่อช้าง
พระอาจารย์ช้าง ของชาวจุกเฌอและชาวแปดริ้วรูปนี้ ท่านปิดตัวมานานทำอะไรก็ไม่ค่อยอยากบอกให้ใครๆรู้เพราะท่านนั้นไม่ชอบความวุ่นวายเดือดร้อน เป็นคนขี้เกรงใจคน เป็นคนมีสติประกอบ ด้วยเมตตา กรุณา ต่อคนทุกชนชั้นไม่เลือกหน้า มีความโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ในสายตาของคนที่ไม่เคยสนิทคุ้นเคยกับท่านจะเห็นว่าท่าน อายุยังน้อย เพราะสัมผัสท่านได้แค่ภายนอก แต่ถ้าใครได้ใกล้ชิดกับท่านก็จะรู้ว่า ความรู้ความสามารถของท่านมันช่างมหัศจรรย์เหลือเกินจริงๆ ทั้งภูมิรู้ ภูมิธรรม หรือในศาสตร์ลึกลับโบราณอันวิเศษมากมาย
ท่านเป็นทั้งหมอยา เพราะอยู่กับธรรมชาติอยู่ป่าอยู่เขาอยู่ถ้ำมาตั้งแต่เด็กๆ เป็นทั้งพระเกจิอาจารย์ ดำเนินรอยตามสุดยอดพระเกจิอาจารย์ดังแต่โบราณจริงๆ ที่มักจะพูดติดปากกันว่าเกจิอาจารย์ที่เก่งจริงๆ ท่านเป็นทั้งหมอยาเพราะต้องเรียนรู้เจนจบหมดทุกด้านไม่ว่าจะฤกษ์ยาม โหราศาสตร์ การรักษาโรค พระเวทย์อาคม สมาธิ
ท่านเป็นผู้มีตบะ บุญวาสนาบารมี มาตั้งแต่อายุยังน้อยๆ เป็นผู้แก่กล้าด้วยสมาธิและวิทยาคม ซ้ำยังเป็นผู้แตกฉานอักขระเลขยันต์ พิสดารโบราณอย่างมหัศจรรย์มาตั้งแต่อายุ ๑๒ ทั้งของวิเศษ ว่านยาวัสดุอาถรรพณ์นานับประการ ยากจะหาใครที่จะรู้จริงๆอย่างท่าน ท่านจึงได้รับการยกย่องจากหน่วยงานต่างๆมากมาย
และท่านเป็นผู้คงแก่เรียน แสวงหาครูบาอาจารย์ เพื่อศึกษาศิลปเวทวิทยากับพระเกจิคณาจารย์ในกาลก่อนเป็นอันมาก เกือบจะเรียกได้ว่าทุกทิศของเมืองไทย
วิชาความรู้ของหลวงพ่อช้าง นั้นมาจากต้นตระกูลที่สืบสานทั้งทางด้าน เวทวิทยาคม หรือ เรื่องหมอยา โหราศาสตร์ ก็ตาม
ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้จากตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากหลวงปู่ปาน วัดบางเหี้ย หลวงปู่เหลือ วัดสาวชะโงก หลวงปู่ญาณ วัดสัมปะทวน
มาในยุคที่หลวงพ่อช้าง ได้มีโอกาสอยู่เขาสมิง จังหวัด ตราด กับก๋งย่า ได้พบปะพระเกจิคณาจารย์ภาคตะวันออกเกือบทุกรูปองค์ในสมัยนั้น ท่านเป็นคนช่างคิด ช่างถาม ช่างค้นคว้าหา เหมือนท่านมีความรู้สะสมมาตั้งแต่อดีตชาติแล้ว
ทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานเชี่ยวชาญทางด้าน วรรณคดี ประวัติศาสตร์ เวทวิทยาคม และฝึกวิปัสสนา กัมมัฏฐาน ชอบนั่งสมาธิสวดมนต์มาตั้งแต่เล็กๆ
พระเกจิคณาจารย์ในยุคนั้น
ภาคตะวันออก ที่ท่านมักไปมาหาสู่และพูดถึงให้ฟังอยู่เสมอก็คือ หลวงปู่คง วัดวังสรรพรส
หลวงพ่อลัด วัดหนองกระบอก หลวงพ่อกล้วย วัดหมูดุด และอีกหลายรูปเป็นต้น
ส่วนภาคกลางนั้นที่ท่านพูดถึงอยู่เป็นประจำก็คือ หลวงปู่ดู่ วัดสะแก หลวงปู่ชื้น วัดญาณเสน
หลวงปู่มี วัดมารวิชัย หลวงพ่อเมี้ยน วัดโพธิ์กบเจา หลวงปู่ทิม วัดพระขาว หลวงปู่เชิญ วัดโคกทอง หลวงปู่หลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อพุฒ วัดกลางบางพระ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม
หลวงปู่แย้ม วัดสามง่าม ท่านก็ไปมาหาสู่อยู่ตลอด เป็นต้น
อีสานทางโคราช ที่ท่านยกย่องและกราบไหว้ที่สุด ก็คือ หลวงปู่คง วัดตะคร้อ โคราช
ทางสุพรรณบุรี ที่ท่านพูดถึงมากที่สุดคือ หลวงปู่ดี วัดพระรูป
เหนือใต้ออกตก ท่านไปเยี่ยมเยียนพระเกจิคณาจารย์ในรุ่นที่ท่านยังทันตั้งแต่รุ่นๆท่านยังอายุน้อยๆเกือบทุกรูปองค์ ทั่วสารทิศเมืองไทยเราเลยไม่ทราบว่า ท่านได้เรียนรู้มากับใครมากมายจนสะสมมาเป็นองค์ท่านได้ และด้วยสติปัญญาที่ท่านสั่งสมมาตั้งแต่เด็ก แต่ละองค์ก็คงไม่ต้องใช้เวลานานมากมายอะไร ที่ท่านไปหาคิดว่า ด้วยภูมิรู้ ภูมิธราม ของท่านที่แสดงออกมาให้เห็นคงจะไม่ใช่เวลาการสะสมมาน้อย และก็ด้วยความเอาใจใส่ ความค้นคว้า ความบุกบั่นมานะ ความเข้มแข็งของจิตใจและความเด็ดเดี่ยวของท่าน เราก็เห็นประจักษ์กันมาจนถึงทุกวันนี้
จึงทำให้ท่านเป็นเพชรน้ำงามแห่งลุ่มแม่น้ำบางปะกงอีกรูปหนึ่ง และการต่อไปก็เป็นที่แน่นอนว่า ท่านต้องเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เรืองฤทธิ์วิทยาคมเป็นเทพเจ้าอีกรูปหนึ่งแห่งลุ่มน้ำบางปะกงตามครูบาอาจารย์แต่ก่อนเก่ารูปอื่นๆที่มีมาแล้วในอดีตอย่างแน่ครับ
ผู้เรียบเรียง : พระเปรม อาวุธปญฺโญ วัดจุกเฌอ แปดริ้ว.